19 รุ่น garmin รุ่นไหนดี รุ่นไหนเหมาะกับคุณ มาดูกัน

garmin รุ่นไหนดี

Garmin เป็นแบรนด์ชั้นนำในวงการนาฬิกาอัจฉริยะเพื่อการกีฬาและการออกกำลังกาย ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักกีฬาและผู้รักสุขภาพทั่วโลก ด้วยชื่อเสียงด้านความแม่นยำของ GPS และคุณสมบัติการติดตามกิจกรรมที่หลากหลาย Garmin จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะที่เน้นประสิทธิภาพและความทนทาน

ในปัจจุบัน Garmin มีนาฬิกาหลากหลายซีรีส์ให้เลือกตามความต้องการเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็น Forerunner สำหรับนักวิ่ง, Fenix สำหรับผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง, Venu สำหรับผู้ที่ต้องการนาฬิกาไลฟ์สไตล์ หรือ Descent สำหรับนักดำน้ำ

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ 19 รุ่นยอดนิยมของ Garmin รุ่นไหนดี พร้อมวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย และความเหมาะสมกับการใช้งานแต่ละรูปแบบ เพื่อช่วยให้คุณเลือกรุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างลงตัว

Garmin รุ่นไหนดี 2025

Garmin รุ่นไหนดี 2025 - เปรียบเทียบนาฬิกา Garmin ยอดนิยม

เลือกนาฬิกา Garmin ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคุณ ทุกรุ่นรับประกันศูนย์ไทย

คุ้มค่าที่สุด
Garmin Forerunner 265

Garmin Forerunner 265

นาฬิกาวิ่งระดับกลางหน้าจอ AMOLED

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
หน้าจอ AMOLED ความละเอียดสูง
ระบบ GPS แม่นยำสูง รองรับหลายระบบดาวเทียม
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 13 วัน
฿16,590
พรีเมียมที่สุด
Garmin Forerunner 965

Garmin Forerunner 965

นาฬิกาวิ่งระดับไฮเอนด์ตัวเรือนไทเทเนียม

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
ตัวเรือนไทเทเนียมน้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน
แผนที่สีแบบละเอียด ช่วยในการนำทาง
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 23 ชั่วโมงในโหมด GPS
฿21,390
ขายดีที่สุด
Garmin Fenix 8

Garmin Fenix 8

นาฬิกามัลติสปอร์ตระดับพรีเมียม

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
มีให้เลือก 3 ขนาด: 43mm, 47mm และ 51mm
ตัวเรือนไทเทเนียมหรือสแตนเลสสตีล แข็งแรงทนทานสูง
รองรับกีฬาและกิจกรรมกว่า 30 ประเภท
฿36,990 ฿43,990
ราคาประหยัด
Garmin Forerunner 165

Garmin Forerunner 165

นาฬิกาวิ่งสำหรับมือใหม่

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว ให้การแสดงผลที่คมชัด
น้ำหนักเบาเพียง 39 กรัม สวมใส่สบาย
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 11 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
฿5,990 ฿9,990
Garmin Forerunner 55

Garmin Forerunner 55

นาฬิกาวิ่งราคาประหยัด

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
น้ำหนักเบาเพียง 37 กรัม สวมใส่สบาย
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 14 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
มีฟีเจอร์ PacePro และ Race Predictor
฿6,790
Garmin Venu 3

Garmin Venu 3

นาฬิกาไลฟ์สไตล์หน้าจอสวย

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
หน้าจอ AMOLED ความละเอียดสูง สีสันสดใส
มีให้เลือก 2 ขนาด: Venu 3 (45mm) และ Venu 3S (41mm)
รองรับการวัดออกซิเจนในเลือดตลอด 24 ชั่วโมง
฿15,990
Garmin Lily 2

Garmin Lily 2

นาฬิกาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
ดีไซน์สวยงาม เรียบหรู มีให้เลือกทั้งรุ่น Active และ Classic
ขนาดกะทัดรัด 35mm เหมาะกับข้อมือผู้หญิง
ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ
฿8,490 ฿10,990
Garmin Lily 2 Silicone

Garmin Lily 2 Silicone

นาฬิกาสำหรับผู้หญิงสายซิลิโคน

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
สายซิลิโคนสวมใส่สบาย เหมาะกับการออกกำลังกาย
น้ำหนักเบาเพียง 24 กรัม
อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานถึง 5 วัน
฿8,490
Garmin Vivoactive 5

Garmin Vivoactive 5

นาฬิกาไลฟ์สไตล์ราคาคุ้มค่า

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว ความละเอียดสูง
น้ำหนักเบาเพียง 36 กรัม สวมใส่สบาย
รองรับกิจกรรมกว่า 30 ประเภท
฿8,990 ฿10,990
Garmin Venu Sq2

Garmin Venu Sq2

นาฬิกาไลฟ์สไตล์ทรงเหลี่ยม

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
หน้าจอ AMOLED ทรงเหลี่ยม ขนาด 1.4 นิ้ว
น้ำหนักเบาเพียง 38 กรัม
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 11 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
฿12,573
Garmin Vivomove Sport

Garmin Vivomove Sport

นาฬิกาไฮบริดราคาประหยัด

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
ดีไซน์สวยงามแบบนาฬิกาอนาล็อกคลาสสิก
น้ำหนักเบาเพียง 33 กรัม สวมใส่สบาย
กันน้ำลึก 50 เมตร
฿6,190
Garmin Vivomove Trend

Garmin Vivomove Trend

นาฬิกาไฮบริดดีไซน์หรู

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
ตัวเรือนสแตนเลสสตีล ดูหรูหรา
รองรับการชาร์จไร้สาย Qi
ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพครบครัน
฿9,990
Garmin Descent MK3

Garmin Descent MK3

นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพ

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
คอมพิวเตอร์ดำน้ำครบครัน รองรับการดำน้ำหลายรูปแบบ
จอ AMOLED ความละเอียดสูง อ่านง่ายแม้ใต้น้ำ
รองรับการดำน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร
฿43,990
Garmin Descent G1 Solar Ocean

Garmin Descent G1 Solar

นาฬิกาดำน้ำรักษ์โลก

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
ตัวเรือนผลิตจากวัสดุรีไซเคิลจากมหาสมุทร
เทคโนโลยี Solar ชาร์จพลังงานจากแสงอาทิตย์
แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานได้นานถึง 4 เดือนในโหมด Solar
฿21,990
Garmin Descent G2

Garmin Descent G2

นาฬิกาดำน้ำระดับกลาง

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
หน้าจอ MIP ขนาด 1.2 นิ้ว อ่านง่ายแม้ในแสงแดดจ้า
รองรับการดำน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร
แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นานถึง 21 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
฿24,990
Garmin Approach S70

Garmin Approach S70

นาฬิกากอล์ฟระดับไฮเอนด์

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.4 นิ้ว ความละเอียดสูง
มีแผนที่สนามกอล์ฟทั่วโลกกว่า 43,000 สนาม
ฟีเจอร์ Virtual Caddie ให้คำแนะนำในการเลือกไม้
฿23,990
Garmin Approach S50

Garmin Approach S50

นาฬิกากอล์ฟราคาคุ้มค่า

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว ความละเอียดสูง
มีแผนที่สนามกอล์ฟทั่วโลกกว่า 43,000 สนาม
ราคาคุ้มค่ากว่า S70 มาก
฿14,490
Garmin Tactix 8

Garmin Tactix 8

นาฬิกาทางทหารสุดแกร่ง

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
ตัวเรือนไทเทเนียม DLC แข็งแรงทนทานสูง
กระจก Sapphire Crystal กันรอยขีดข่วน
ฟีเจอร์ทางทหารเฉพาะ: Jumpmaster, Tactical Activity
฿52,990
Garmin Instinct 3

Garmin Instinct 3

นาฬิกาสายลุยทนทาน

รับประกันศูนย์ไทย 2 ปี
ตัวเรือนโพลิเมอร์เสริมไฟเบอร์ แข็งแรงทนทานสูง
มาตรฐานทางทหาร MIL-STD-810
แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานได้นานถึง 28 วัน
฿16,490

สารบัญ

อันดับ 1: Garmin Forerunner 265 Series – นาฬิกาวิ่งระดับกลางที่คุ้มค่า

Garmin Forerunner 265 Series เป็นนาฬิกาวิ่งระดับกลางที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มนักวิ่งทั้งมือใหม่และมืออาชีพ ด้วยหน้าจอ AMOLED คมชัดและฟีเจอร์การวิเคราะห์การวิ่งที่ครบครัน

จุดเด่น:

  • หน้าจอ AMOLED ความละเอียดสูง ให้การแสดงผลที่คมชัดแม้ในที่แดดจ้า
  • ระบบ GPS แม่นยำสูง รองรับหลายระบบดาวเทียม
  • ฟีเจอร์ Training Readiness ประเมินความพร้อมในการซ้อม
  • แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นานถึง 13 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์ และ 20 ชั่วโมงในโหมด GPS
  • มีให้เลือก 2 ขนาด: 265 (46mm) และ 265S (42mm) เหมาะกับข้อมือหลายขนาด
  • รองรับการเล่นเพลงผ่าน Spotify, Amazon Music และ Deezer (เฉพาะรุ่น Music)

จุดด้อย:

  • ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรุ่นเริ่มต้น
  • อาจมีฟีเจอร์มากเกินความจำเป็นสำหรับนักวิ่งมือใหม่

เหมาะสำหรับ:

  • นักวิ่งระดับกลางถึงสูงที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกในการวิเคราะห์และพัฒนาการวิ่ง
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาวิ่งที่มีหน้าจอสวยงามและใช้งานง่าย
  • ผู้ที่ชอบฟังเพลงระหว่างวิ่งโดยไม่ต้องพกโทรศัพท์ (เฉพาะรุ่น Music)

ราคา:

อันดับ 2: Garmin Forerunner 965 Series – นาฬิกาวิ่งระดับไฮเอนด์

Garmin Forerunner 965 คือนาฬิกาวิ่งระดับไฮเอนด์ที่มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.4 นิ้ว และตัวเรือนไทเทเนียมสุดหรู เหมาะสำหรับนักวิ่งที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ประสิทธิภาพระดับสูง

จุดเด่น:

  • ตัวเรือนไทเทเนียมน้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน
  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.4 นิ้ว ความละเอียดสูง
  • แผนที่สีแบบละเอียด ช่วยในการนำทางได้ดี
  • ฟีเจอร์วิเคราะห์การวิ่งขั้นสูง เช่น Training Load Focus, Recovery Time, Daily Workout Suggestions
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 23 ชั่วโมงในโหมด GPS
  • รองรับการเล่นเพลงแบบออฟไลน์จากแอปยอดนิยม

จุดด้อย:

  • ราคาสูงมาก อาจเกินความจำเป็นสำหรับนักวิ่งทั่วไป
  • มีขนาดใหญ่และอาจหนักเกินไปสำหรับผู้มีข้อมือเล็ก
  • มีฟีเจอร์มากมายที่อาจซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้เริ่มต้น

เหมาะสำหรับ:

  • นักวิ่งระดับสูงหรือนักกีฬาไตรกีฬาที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกในการฝึกซ้อม
  • ผู้ที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภทและต้องการนาฬิกาที่รองรับทุกกิจกรรม
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิการะดับพรีเมียมที่มีอายุการใช้งานยาวนาน

ราคา:

อันดับ 3: Garmin Fenix 8 Series – นาฬิกามัลติสปอร์ตระดับพรีเมียม

Garmin Fenix 8 Series คือนาฬิกาอัจฉริยะระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภท มาพร้อมตัวเรือนที่แข็งแรงทนทานและฟีเจอร์ครบครันสำหรับทุกกิจกรรม

จุดเด่น:

  • มีให้เลือก 3 ขนาด: 43mm, 47mm และ 51mm
  • หน้าจอ AMOLED คมชัด หรือเลือกรุ่น Solar ที่ชาร์จพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้
  • ตัวเรือนไทเทเนียมหรือสแตนเลสสตีล แข็งแรงทนทานสูง
  • แผนที่สีแบบละเอียดพร้อมระบบนำทางขั้นสูง
  • รองรับกีฬาและกิจกรรมกว่า 30 ประเภท
  • อายุแบตเตอรี่ยาวนาน โดยเฉพาะรุ่น Solar ที่ใช้งานได้นานกว่า
  • คุณสมบัติความปลอดภัยและการติดตามครบครัน

จุดด้อย:

  • ราคาสูงมาก เริ่มต้นที่ 36,990 บาท ไปจนถึง 43,990 บาท
  • มีน้ำหนักค่อนข้างมาก อาจรู้สึกหนักเมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน
  • มีฟีเจอร์มากมายที่ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้ใช้ทั้งหมด

เหมาะสำหรับ:

  • นักผจญภัยและผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภท
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะระดับพรีเมียมที่ครบเครื่องและทนทาน
  • นักกีฬาที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ

ราคา:

อันดับ 4: Garmin Forerunner 165 Series – นาฬิกาวิ่งสำหรับมือใหม่

Garmin Forerunner 165 Series เป็นนาฬิกาวิ่งรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อนักวิ่งมือใหม่และระดับกลาง มาพร้อมหน้าจอ AMOLED สวยงามและฟีเจอร์จำเป็นสำหรับการวิ่งในราคาที่เข้าถึงได้

จุดเด่น:

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว ให้การแสดงผลที่คมชัด
  • น้ำหนักเบาเพียง 39 กรัม สวมใส่สบาย
  • ระบบ GPS แม่นยำ รองรับหลายระบบดาวเทียม
  • ฟีเจอร์สำหรับนักวิ่ง เช่น PacePro, Daily Suggested Workouts
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 11 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์ และ 19 ชั่วโมงในโหมด GPS
  • มีรุ่น Music ที่รองรับการเล่นเพลงแบบออฟไลน์

จุดด้อย:

  • ไม่มีแผนที่นำทางแบบละเอียด
  • วัสดุตัวเรือนเป็นโพลิเมอร์ ไม่หรูหราเท่ารุ่นที่สูงกว่า
  • ฟีเจอร์การวิเคราะห์การวิ่งไม่ลึกเท่ารุ่น 265 หรือ 965

เหมาะสำหรับ:

  • นักวิ่งมือใหม่หรือระดับกลางที่ต้องการข้อมูลพื้นฐานในการวิ่ง
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาวิ่งที่มีหน้าจอสวยงามในราคาที่เข้าถึงได้
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย

ราคา:

อันดับ 5: Garmin Forerunner 55 – นาฬิกาวิ่งราคาประหยัด

Garmin Forerunner 55 เป็นนาฬิกาวิ่งรุ่นเริ่มต้นที่มีราคาเข้าถึงได้ แต่มาพร้อมฟีเจอร์จำเป็นสำหรับนักวิ่งครบถ้วน เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นวิ่งและต้องการนาฬิกาที่ใช้งานง่าย

จุดเด่น:

  • ราคาประหยัด เริ่มต้นที่ 6,790 บาท
  • น้ำหนักเบาเพียง 37 กรัม สวมใส่สบาย
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 14 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
  • มีฟีเจอร์ PacePro และ Race Predictor
  • รองรับโปรแกรมฝึกซ้อมและการวัดค่าสุขภาพพื้นฐาน
  • ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่

จุดด้อย:

  • หน้าจอเป็นแบบ MIP ไม่ใช่ AMOLED
  • ไม่รองรับการเล่นเพลง
  • ไม่มีแผนที่นำทาง
  • ฟีเจอร์การวิเคราะห์การวิ่งไม่ลึกเท่ารุ่นที่สูงกว่า

เหมาะสำหรับ:

  • นักวิ่งมือใหม่ที่ต้องการนาฬิกาวิ่งราคาประหยัด
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่เน้นฟังก์ชันพื้นฐานและใช้งานง่าย
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่มีแบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นาน

ราคา:

อันดับ 6: Garmin Venu 3 Series – นาฬิกาไลฟ์สไตล์หน้าจอสวย

Garmin Venu 3 Series เป็นนาฬิกาอัจฉริยะไลฟ์สไตล์ที่มาพร้อมหน้าจอ AMOLED คมชัดระดับพรีเมียม และฟีเจอร์สุขภาพครบครัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่ทั้งสวยและมีประสิทธิภาพ

จุดเด่น:

  • หน้าจอ AMOLED ความละเอียดสูง สีสันสดใส
  • มีให้เลือก 2 ขนาด: Venu 3 (45mm) และ Venu 3S (41mm)
  • ฟีเจอร์สุขภาพครบครัน: Sleep Coach, Body Battery, Stress Tracking
  • รองรับการวัดออกซิเจนในเลือดตลอด 24 ชั่วโมง
  • สามารถรับสายและโทรออกได้ผ่านนาฬิกา (เมื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์)
  • รองรับการเล่นเพลงแบบออฟไลน์
  • รองรับกิจกรรมกว่า 30 ประเภท

จุดด้อย:

  • ราคาค่อนข้างสูง
  • แบตเตอรี่อาจไม่อึดเท่ารุ่นอื่นเมื่อเปิดหน้าจอ Always-On
  • ไม่มีแผนที่นำทางแบบละเอียดเหมือนรุ่น Forerunner หรือ Fenix

เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะเพื่อสุขภาพที่มีดีไซน์สวยงาม
  • ผู้ที่ต้องการติดตามกิจกรรมประจำวันและการออกกำลังกายแบบทั่วไป
  • ผู้ที่ชื่นชอบหน้าจอสีสันสดใส คมชัด

ราคา:

อันดับ 7: Garmin Vivoactive 5 – นาฬิกาไลฟ์สไตล์ราคาคุ้มค่า

Garmin Vivoactive 5 เป็นนาฬิกาอัจฉริยะไลฟ์สไตล์ที่มาพร้อมหน้าจอ AMOLED และฟีเจอร์สุขภาพครบครัน ในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า Venu 3 Series

จุดเด่น:

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว ความละเอียดสูง
  • น้ำหนักเบาเพียง 36 กรัม สวมใส่สบาย
  • รองรับกิจกรรมกว่า 30 ประเภท
  • ฟีเจอร์สุขภาพครบครัน: Sleep Score, Body Battery, Stress Tracking
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 11 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
  • ราคาคุ้มค่ากว่า Venu 3 Series

จุดด้อย:

  • ไม่สามารถรับสายหรือโทรออกผ่านนาฬิกาได้
  • ไม่รองรับการเล่นเพลงแบบออฟไลน์
  • วัสดุตัวเรือนเป็นโพลิเมอร์ ไม่หรูหราเท่า Venu 3
  • ไม่มีแผนที่นำทาง

อันดับ 8: Garmin Lily 2 Series – นาฬิกาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ

Garmin Lily 2 Series เป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่ออกแบบมาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ มีขนาดกะทัดรัด ดีไซน์สวยงาม และมีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้หญิง

จุดเด่น:

  • ดีไซน์สวยงาม เรียบหรู มีให้เลือกทั้งรุ่น Active (สายซิลิโคน) และรุ่น Classic (สายหนัง)
  • ขนาดกะทัดรัด 35mm เหมาะกับข้อมือผู้หญิง
  • หน้าจอทัชสกรีนสีแบบ LCD พร้อมลวดลายสวยงาม
  • ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ เช่น การติดตามรอบเดือน การตั้งครรภ์
  • อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานถึง 5 วัน
  • น้ำหนักเบาเพียง 24 กรัม

จุดด้อย:

  • ไม่มี GPS แบบในตัว ต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์
  • หน้าจอมีขนาดเล็ก อาจไม่สะดวกสำหรับการดูข้อมูลขณะออกกำลังกาย
  • ฟีเจอร์การออกกำลังกายไม่หลากหลายเท่ารุ่นอื่น
  • ไม่รองรับการเล่นเพลง

เหมาะสำหรับ:

  • ผู้หญิงที่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะที่มีดีไซน์สวยงาม สวมใส่ได้ทุกโอกาส
  • ผู้ที่ต้องการติดตามสุขภาพและกิจกรรมประจำวันพื้นฐาน
  • ผู้ที่ชอบนาฬิกาขนาดเล็ก น้ำหนักเบา

ราคา:

อันดับ 9: Garmin Vivomove Trend – นาฬิกาไฮบริดดีไซน์หรู

Garmin Vivomove Trend เป็นนาฬิกาไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างนาฬิกาอนาล็อกแบบคลาสสิกและสมาร์ทวอทช์ได้อย่างลงตัว มาพร้อมเข็มนาฬิกาจริงและหน้าจอดิจิทัลซ่อนอยู่ใต้หน้าปัด

จุดเด่น:

  • ดีไซน์สวยงามแบบนาฬิกาอนาล็อกคลาสสิก
  • มีหน้าจอ OLED ซ่อนอยู่ใต้หน้าปัด แสดงผลเมื่อต้องการ
  • รองรับการชาร์จไร้สาย Qi
  • ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพครบครัน: การนอน ความเครียด ออกซิเจนในเลือด
  • กันน้ำลึก 50 เมตร
  • ตัวเรือนสแตนเลสสตีล ดูหรูหรา

จุดด้อย:

  • ไม่มี GPS แบบในตัว ต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์
  • หน้าจอมีขนาดเล็กและไม่สว่างมากนัก อาจมองยากในที่แดดจ้า
  • ฟีเจอร์การออกกำลังกายไม่หลากหลายเท่ารุ่นอื่น
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้เพียง 5 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์

เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่มีดีไซน์คลาสสิก แต่มีฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์
  • ผู้ที่ทำงานในออฟฟิศหรือต้องการนาฬิกาที่ดูเป็นทางการ
  • ผู้ที่ต้องการติดตามสุขภาพและกิจกรรมประจำวันพื้นฐาน

ราคา:

อันดับ 10: Garmin Descent MK3 Series – นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพ

Garmin Descent MK3 Series เป็นคอมพิวเตอร์ดำน้ำระดับไฮเอนด์ที่ผสมผสานคุณสมบัติของสมาร์ทวอทช์ Garmin ชั้นนำเข้ากับฟีเจอร์ดำน้ำระดับมืออาชีพ

จุดเด่น:

  • คอมพิวเตอร์ดำน้ำครบครัน รองรับการดำน้ำหลายรูปแบบ
  • มีให้เลือก 2 ขนาด: 43mm และ 51mm
  • จอ AMOLED ความละเอียดสูง อ่านง่ายแม้ใต้น้ำ
  • แผนที่ใต้น้ำในตัว ช่วยในการนำทางขณะดำน้ำ
  • รองรับการดำน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร
  • ฟีเจอร์ Multi-GNSS รองรับการนำทางใต้น้ำ
  • รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดำน้ำไร้สาย
  • มีฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์ครบครันเหมือนรุ่น Fenix

จุดด้อย:

  • ราคาสูงมาก เริ่มต้นที่ 43,990 บาท
  • มีขนาดใหญ่และหนัก อาจไม่เหมาะสำหรับการสวมใส่ประจำวัน
  • มีฟีเจอร์มากมายที่ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้ใช้ทั้งหมด
  • ต้องชาร์จบ่อยหากใช้โหมดดำน้ำบ่อยครั้ง

เหมาะสำหรับ:

  • นักดำน้ำมืออาชีพหรือผู้ที่ดำน้ำเป็นประจำ
  • ผู้ที่ต้องการอุปกรณ์ดำน้ำคุณภาพสูงที่มีฟีเจอร์ครบครัน
  • ผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายรูปแบบรวมถึงดำน้ำ

ราคา:

อันดับ 11: Garmin Approach S70 – นาฬิกากอล์ฟระดับไฮเอนด์

Garmin Approach S70 เป็นนาฬิกากอล์ฟระดับไฮเอนด์ที่มาพร้อมแผนที่สนามกอล์ฟทั่วโลกกว่า 43,000 สนาม และฟีเจอร์ช่วยเล่นกอล์ฟที่ครบครัน

จุดเด่น:

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.4 นิ้ว ความละเอียดสูง
  • มีแผนที่สนามกอล์ฟทั่วโลกกว่า 43,000 สนาม
  • ฟีเจอร์ Virtual Caddie ให้คำแนะนำในการเลือกไม้และวางแผนการตี
  • Green View แสดงรูปร่างของกรีนและตำแหน่ง pin แบบละเอียด
  • AutoShot Detection บันทึกระยะการตีโดยอัตโนมัติ
  • PlaysLike Distance ปรับระยะตามความลาดชันของสนาม
  • ฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์ครบครัน ใช้งานได้นอกสนามกอล์ฟ

จุดด้อย:

  • ราคาสูงมาก เริ่มต้นที่ 23,990 บาท
  • อาจมีฟีเจอร์มากเกินความจำเป็นสำหรับนักกอล์ฟทั่วไป
  • ขนาดค่อนข้างใหญ่ อาจรบกวนการเหวี่ยงไม้สำหรับบางคน

เหมาะสำหรับ:

  • นักกอล์ฟจริงจังที่ต้องการข้อมูลละเอียดในการเล่น
  • ผู้ที่เล่นกอล์ฟบ่อยและต้องการพัฒนาทักษะ
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่ใช้ได้ทั้งในและนอกสนามกอล์ฟ

ราคา:

อันดับ 12: Garmin Approach S50 – นาฬิกากอล์ฟราคาคุ้มค่า

Garmin Approach S50 เป็นนาฬิกากอล์ฟรุ่นใหม่ที่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่า S70 แต่ยังคงมาพร้อมฟีเจอร์จำเป็นสำหรับนักกอล์ฟครบถ้วน

จุดเด่น:

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว ความละเอียดสูง
  • มีแผนที่สนามกอล์ฟทั่วโลกกว่า 43,000 สนาม
  • Green View แสดงรูปร่างของกรีนและตำแหน่ง pin
  • AutoShot Detection บันทึกระยะการตีโดยอัตโนมัติ
  • ฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์พื้นฐาน ใช้งานได้นอกสนามกอล์ฟ
  • ราคาคุ้มค่ากว่า S70 มาก

จุดด้อย:

  • ไม่มีฟีเจอร์ Virtual Caddie เหมือน S70
  • แผนที่สนามกอล์ฟมีรายละเอียดน้อยกว่า S70
  • แบตเตอรี่อาจไม่อึดเท่า S70
  • ไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่าง เช่น การวิเคราะห์สวิง

เหมาะสำหรับ:

  • นักกอล์ฟทั่วไปที่ต้องการนาฬิกากอล์ฟในราคาที่เข้าถึงได้
  • ผู้ที่เพิ่งเริ่มเล่นกอล์ฟและต้องการอุปกรณ์ช่วยพื้นฐาน
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่ใช้ได้ทั้งในและนอกสนามกอล์ฟ

ราคา:

อันดับ 13: Garmin Tactix 8 – นาฬิกาทางทหารสุดแกร่ง

Garmin Tactix 8 เป็นนาฬิกาทางทหารระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง มาพร้อมฟีเจอร์พิเศษสำหรับการทหารและกิจกรรมยุทธวิธี

จุดเด่น:

  • ตัวเรือนไทเทเนียม DLC (Diamond-Like Carbon) แข็งแรงทนทานสูง
  • กระจก Sapphire Crystal กันรอยขีดข่วน
  • หน้าจอ AMOLED ความละเอียดสูงพร้อมโหมดไนท์วิชัน
  • ฟีเจอร์ทางทหารเฉพาะ: Jumpmaster, Tactical Activity, Stealth Mode
  • ระบบนำทาง Multi-GNSS พร้อมแผนที่แบบละเอียด
  • แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานได้นานถึง 31 วันในโหมดประหยัดพลังงาน
  • รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์เสริมทางทหาร

จุดด้อย:

  • ราคาสูงมาก ประมาณ 52,990 บาท
  • มีขนาดใหญ่และหนัก ไม่เหมาะกับทุกข้อมือ
  • มีฟีเจอร์เฉพาะทางที่ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้ใช้

เหมาะสำหรับ:

  • บุคลากรทางทหารหรือตำรวจที่ต้องการนาฬิกาเฉพาะทาง
  • นักผจญภัยที่ต้องการนาฬิกาที่แข็งแรงทนทานสูงสุด
  • ผู้ที่ชื่นชอบอุปกรณ์ทางยุทธวิธีระดับพรีเมียม

ราคา:

อันดับ 14: Garmin Instinct 3 Series – นาฬิกาสายลุยทนทาน

Garmin Instinct 3 Series เป็นนาฬิกาสายลุยที่ออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งและต้องการนาฬิกาที่แข็งแรง

จุดเด่น:

  • ตัวเรือนโพลิเมอร์เสริมไฟเบอร์ แข็งแรงทนทานสูง
  • มาตรฐานทางทหาร MIL-STD-810
  • หน้าจอสองชั้นที่อ่านง่ายแม้ในแสงแดดจ้า
  • ระบบ GPS แม่นยำสูง รองรับหลายระบบดาวเทียม
  • แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานได้นานถึง 28 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
  • รองรับกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภท
  • ราคาคุ้มค่ากว่า Fenix หรือ Tactix

จุดด้อย:

  • ดีไซน์อาจไม่เหมาะกับการสวมใส่ในโอกาสทางการ
  • ไม่มีแผนที่แบบละเอียดเหมือน Fenix
  • ไม่รองรับการเล่นเพลง
  • หน้าจอไม่ใช่ AMOLED

เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งและต้องการนาฬิกาที่ทนทาน
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่มีแบตเตอรี่อึดมาก
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกา Garmin ที่แข็งแรงในราคาที่เข้าถึงได้

ราคา:

อันดับ 15: Garmin Descent G1 Solar Ocean Edition – นาฬิกาดำน้ำรักษ์โลก

Garmin Descent G1 Solar Ocean Edition เป็นคอมพิวเตอร์ดำน้ำรุ่นพิเศษที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล และส่วนหนึ่งของรายได้จากการขายจะนำไปสนับสนุนโครงการอนุรักษ์มหาสมุทร

จุดเด่น:

  • ตัวเรือนผลิตจากวัสดุรีไซเคิลจากมหาสมุทร
  • เทคโนโลยี Solar ชาร์จพลังงานจากแสงอาทิตย์
  • คอมพิวเตอร์ดำน้ำครบครัน รองรับการดำน้ำหลายรูปแบบ
  • รองรับการดำน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร
  • แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานได้นานถึง 4 เดือนในโหมด Solar
  • ราคาถูกกว่า Descent MK3 มาก
  • มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์มหาสมุทร

จุดด้อย:

  • ไม่มีแผนที่ใต้น้ำเหมือน MK3
  • หน้าจอมีความละเอียดต่ำกว่า MK3
  • ฟีเจอร์การดำน้ำไม่ครบเท่า MK3
  • ไม่รองรับการเล่นเพลง

เหมาะสำหรับ:

  • นักดำน้ำที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
  • ผู้ที่ต้องการคอมพิวเตอร์ดำน้ำในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า MK3
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่มีแบตเตอรี่อึดมากและชาร์จพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้

ราคา:

อันดับ 16: Garmin Descent G2 – นาฬิกาดำน้ำระดับกลาง

Garmin Descent G2 เป็นคอมพิวเตอร์ดำน้ำระดับกลางที่มาพร้อมฟีเจอร์ดำน้ำครบครัน แต่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่า MK3

จุดเด่น:

  • หน้าจอ MIP ขนาด 1.2 นิ้ว อ่านง่ายแม้ในแสงแดดจ้า
  • คอมพิวเตอร์ดำน้ำครบครัน รองรับการดำน้ำหลายรูปแบบ
  • รองรับการดำน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร
  • แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นานถึง 21 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
  • รองรับกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภท
  • ราคาถูกกว่า MK3 มาก

จุดด้อย:

  • ไม่มีแผนที่ใต้น้ำเหมือน MK3
  • หน้าจอไม่ใช่ AMOLED
  • ฟีเจอร์การดำน้ำไม่ครบเท่า MK3
  • ไม่รองรับการเล่นเพลง

เหมาะสำหรับ:

  • นักดำน้ำสมัครเล่นถึงระดับกลางที่ต้องการคอมพิวเตอร์ดำน้ำคุณภาพดี
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งที่รวมฟีเจอร์ดำน้ำ
  • ผู้ที่ต้องการคอมพิวเตอร์ดำน้ำในราคาที่เข้าถึงได้

ราคา:

อันดับ 17: Garmin Forerunner 255 Series – นาฬิกาวิ่งคุ้มค่า

Garmin Forerunner 255 Series เป็นนาฬิกาวิ่งระดับกลางที่มาก่อน 265 Series มีฟีเจอร์การวิ่งครบครัน แต่ราคาถูกกว่า

จุดเด่น:

  • มีให้เลือก 2 ขนาด: 255 (46mm) และ 255S (41mm)
  • ระบบ GPS แม่นยำสูง รองรับหลายระบบดาวเทียม
  • ฟีเจอร์สำหรับนักวิ่งครบครัน: Training Status, Recovery Time, Race Predictor
  • แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นานถึง 14 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
  • มีรุ่น Music ที่รองรับการเล่นเพลงแบบออฟไลน์
  • ราคาถูกกว่า 265 Series

จุดด้อย:

  • หน้าจอเป็นแบบ MIP ไม่ใช่ AMOLED เหมือน 265
  • ไม่มีฟีเจอร์ Training Readiness เหมือน 265
  • ดีไซน์อาจดูเก่ากว่า 265

เหมาะสำหรับ:

  • นักวิ่งระดับกลางที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกในการวิ่ง
  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาวิ่งคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้
  • ผู้ที่ให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่ที่อึดมากกว่าหน้าจอสวยงาม

ราคา:

  • ประมาณ 11,790 – 16,590 บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่น)

อันดับ 18: Garmin Venu Sq2 – นาฬิกาไลฟ์สไตล์ทรงเหลี่ยม

Garmin Venu Sq2 เป็นนาฬิกาอัจฉริยะไลฟ์สไตล์ที่มีรูปทรงเหลี่ยมแบบ Apple Watch แต่มาพร้อมระบบนิเวศของ Garmin

จุดเด่น:

  • หน้าจอ AMOLED ทรงเหลี่ยม ขนาด 1.4 นิ้ว
  • น้ำหนักเบาเพียง 38 กรัม
  • ฟีเจอร์สุขภาพครบครัน: Sleep Score, Body Battery, Stress Tracking
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 11 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
  • มีรุ่น Music ที่รองรับการเล่นเพลง
    • แบบออฟไลน์
    • ราคาเข้าถึงได้มากกว่า Venu 3
    • รองรับกิจกรรมกว่า 25 ประเภท

    จุดด้อย:

    • หน้าจอมีขอบหนา ทำให้พื้นที่แสดงผลน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
    • วัสดุตัวเรือนเป็นโพลิเมอร์ ไม่หรูหราเท่า Venu 3
    • ไม่สามารถรับสายหรือโทรออกผ่านนาฬิกาได้
    • ไม่มีเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือดแบบตลอด 24 ชั่วโมง

    เหมาะสำหรับ:

    • ผู้ที่ชอบนาฬิกาทรงเหลี่ยมแบบ Apple Watch แต่ต้องการฟีเจอร์ของ Garmin
    • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะเพื่อสุขภาพในราคาที่เข้าถึงได้
    • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่มีแบตเตอรี่อึดมากกว่า Apple Watch

    ราคา:

อันดับ 19: Garmin Vivomove Sport – นาฬิกาไฮบริดราคาประหยัด

Garmin Vivomove Sport เป็นนาฬิกาไฮบริดรุ่นเริ่มต้นที่ผสมผสานระหว่างนาฬิกาอนาล็อกแบบคลาสสิกและสมาร์ทวอทช์ในราคาที่เข้าถึงได้

จุดเด่น:

  • ดีไซน์สวยงามแบบนาฬิกาอนาล็อกคลาสสิก
  • มีหน้าจอทัชสกรีนซ่อนอยู่ใต้หน้าปัด แสดงผลเมื่อต้องการ
  • น้ำหนักเบาเพียง 33 กรัม สวมใส่สบาย
  • ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพพื้นฐาน: การนอน ความเครียด ออกซิเจนในเลือด
  • กันน้ำลึก 50 เมตร
  • ราคาเข้าถึงได้ เริ่มต้นที่ 6,190 บาท

จุดด้อย:

  • ไม่มี GPS แบบในตัว ต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์
  • หน้าจอมีขนาดเล็กและไม่สว่างมากนัก อาจมองยากในที่แดดจ้า
  • ฟีเจอร์การออกกำลังกายไม่หลากหลายเท่ารุ่นอื่น
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้เพียง 5 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์

เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่มีดีไซน์คลาสสิก แต่มีฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์พื้นฐาน
  • ผู้ที่มีงบประมาณจำกัดแต่ต้องการนาฬิกา Garmin
  • ผู้ที่ต้องการติดตามสุขภาพและกิจกรรมประจำวันพื้นฐาน

ราคา:

สรุป: เลือก Garmin รุ่นไหนดีที่สุดสำหรับคุณ

หลังจากที่เราได้พิจารณานาฬิกา Garmin รุ่นไหนดี ทั้ง 19 รุ่นแล้ว เราสามารถสรุปทางเลือกที่เหมาะสมตามความต้องการของผู้ใช้ได้ดังนี้:

สำหรับนักวิ่ง Garmin รุ่นไหนดี :

  • มือใหม่งบน้อย: Forerunner 55 (6,790 บาท)
  • มือใหม่-ระดับกลาง: Forerunner 165 (5,990-6,490 บาท)
  • ระดับกลาง-สูง: Forerunner 265 (16,590 บาท)
  • นักวิ่งมืออาชีพ: Forerunner 965 (21,390 บาท)

สำหรับผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภท Garmin รุ่นไหนดี :

  • งบประมาณจำกัด: Instinct 3 (16,490 บาท)
  • ต้องการความครบเครื่อง: Fenix 8 (36,990-43,990 บาท)
  • เน้นความแข็งแรงทนทานสูงสุด: Tactix 8 (52,990 บาท)

สำหรับผู้ที่ต้องการนาฬิกาไลฟ์สไตล์ Garmin รุ่นไหนดี :

  • งบประมาณจำกัด: Vivoactive 5 (8,990 บาท)
  • ต้องการหน้าจอสวย: Venu 3 (15,990 บาท)
  • ชอบนาฬิกาทรงเหลี่ยม: Venu Sq2 (12,573 บาท)
  • ชอบนาฬิกาไฮบริด: Vivomove Sport (6,190 บาท) หรือ Vivomove Trend (9,990 บาท)
  • สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ: Lily 2 (8,490-10,990 บาท)

สำหรับนักกีฬาเฉพาะทาง Garmin รุ่นไหนดี :

  • นักกอล์ฟ: Approach S50 (14,490 บาท) หรือ S70 (23,990 บาท)
  • นักดำน้ำ: Descent G1 Solar (21,990 บาท), G2 (24,990 บาท) หรือ MK3 (43,990-45,890 บาท)

การเลือก Garmin รุ่นไหนดีนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะบุคคล กิจกรรมที่ทำเป็นประจำ และงบประมาณที่มี ทุกรุ่นของ Garmin มาพร้อมกับการรับประกันศูนย์ไทย 2 ปี ซึ่งให้ความมั่นใจในการใช้งานระยะยาว

หากคุณเป็นนักวิ่งหรือนักกีฬาที่ต้องการข้อมูลเชิงลึก ซีรีส์ Forerunner เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หากคุณชอบกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภท Fenix หรือ Instinct จะเหมาะกับคุณมากกว่า และหากคุณต้องการนาฬิกาที่ใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและออกกำลังกาย Venu หรือ Vivoactive จะเป็นตัวเลือกที่ลงตัว

ไม่ว่าคุณจะมีคำถามว่าGarmin รุ่นไหนดี Garmin ก็ยังเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพ ความแม่นยำ และความทนทาน ซึ่งจะเป็นเพื่อนคู่ใจในการออกกำลังกายและใช้ชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างดีเยี่ยม

ดูบทความอื่น : กดที่นี่