19 รุ่น garmin รุ่นไหนดี รุ่นไหนเหมาะกับคุณ มาดูกัน

Garmin เป็นแบรนด์ชั้นนำในวงการนาฬิกาอัจฉริยะเพื่อการกีฬาและการออกกำลังกาย ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักกีฬาและผู้รักสุขภาพทั่วโลก ด้วยชื่อเสียงด้านความแม่นยำของ GPS และคุณสมบัติการติดตามกิจกรรมที่หลากหลาย Garmin จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะที่เน้นประสิทธิภาพและความทนทาน
ในปัจจุบัน Garmin มีนาฬิกาหลากหลายซีรีส์ให้เลือกตามความต้องการเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็น Forerunner สำหรับนักวิ่ง, Fenix สำหรับผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง, Venu สำหรับผู้ที่ต้องการนาฬิกาไลฟ์สไตล์ หรือ Descent สำหรับนักดำน้ำ
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ 19 รุ่นยอดนิยมของ Garmin รุ่นไหนดี พร้อมวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย และความเหมาะสมกับการใช้งานแต่ละรูปแบบ เพื่อช่วยให้คุณเลือกรุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างลงตัว
Garmin รุ่นไหนดี 2025 - เปรียบเทียบนาฬิกา Garmin ยอดนิยม
เลือกนาฬิกา Garmin ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคุณ ทุกรุ่นรับประกันศูนย์ไทย

Garmin Forerunner 265
นาฬิกาวิ่งระดับกลางหน้าจอ AMOLED

Garmin Forerunner 965
นาฬิกาวิ่งระดับไฮเอนด์ตัวเรือนไทเทเนียม

Garmin Fenix 8
นาฬิกามัลติสปอร์ตระดับพรีเมียม

Garmin Forerunner 165
นาฬิกาวิ่งสำหรับมือใหม่

Garmin Forerunner 55
นาฬิกาวิ่งราคาประหยัด

Garmin Venu 3
นาฬิกาไลฟ์สไตล์หน้าจอสวย

Garmin Lily 2
นาฬิกาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ

Garmin Lily 2 Silicone
นาฬิกาสำหรับผู้หญิงสายซิลิโคน

Garmin Vivoactive 5
นาฬิกาไลฟ์สไตล์ราคาคุ้มค่า

Garmin Venu Sq2
นาฬิกาไลฟ์สไตล์ทรงเหลี่ยม

Garmin Vivomove Sport
นาฬิกาไฮบริดราคาประหยัด

Garmin Vivomove Trend
นาฬิกาไฮบริดดีไซน์หรู

Garmin Descent MK3
นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพ

Garmin Descent G1 Solar
นาฬิกาดำน้ำรักษ์โลก

Garmin Descent G2
นาฬิกาดำน้ำระดับกลาง

Garmin Approach S70
นาฬิกากอล์ฟระดับไฮเอนด์

Garmin Approach S50
นาฬิกากอล์ฟราคาคุ้มค่า

Garmin Tactix 8
นาฬิกาทางทหารสุดแกร่ง

Garmin Instinct 3
นาฬิกาสายลุยทนทาน
สารบัญ
- อันดับ 1: Garmin Forerunner 265 Series – นาฬิกาวิ่งระดับกลางที่คุ้มค่า
- อันดับ 2: Garmin Forerunner 965 Series – นาฬิกาวิ่งระดับไฮเอนด์
- อันดับ 3: Garmin Fenix 8 Series – นาฬิกามัลติสปอร์ตระดับพรีเมียม
- อันดับ 4: Garmin Forerunner 165 Series – นาฬิกาวิ่งสำหรับมือใหม่
- อันดับ 5: Garmin Forerunner 55 – นาฬิกาวิ่งราคาประหยัด
- อันดับ 6: Garmin Venu 3 Series – นาฬิกาไลฟ์สไตล์หน้าจอสวย
- อันดับ 7: Garmin Vivoactive 5 – นาฬิกาไลฟ์สไตล์ราคาคุ้มค่า
- อันดับ 8: Garmin Lily 2 Series – นาฬิกาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ
- อันดับ 9: Garmin Vivomove Trend – นาฬิกาไฮบริดดีไซน์หรู
- อันดับ 10: Garmin Descent MK3 Series – นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพ
- อันดับ 11: Garmin Approach S70 – นาฬิกากอล์ฟระดับไฮเอนด์
- อันดับ 12: Garmin Approach S50 – นาฬิกากอล์ฟราคาคุ้มค่า
- อันดับ 13: Garmin Tactix 8 – นาฬิกาทางทหารสุดแกร่ง
- อันดับ 14: Garmin Instinct 3 Series – นาฬิกาสายลุยทนทาน
- อันดับ 15: Garmin Descent G1 Solar Ocean Edition – นาฬิกาดำน้ำรักษ์โลก
- อันดับ 16: Garmin Descent G2 – นาฬิกาดำน้ำระดับกลาง
- อันดับ 17: Garmin Forerunner 255 Series – นาฬิกาวิ่งคุ้มค่า
- อันดับ 18: Garmin Venu Sq2 – นาฬิกาไลฟ์สไตล์ทรงเหลี่ยม
- อันดับ 19: Garmin Vivomove Sport – นาฬิกาไฮบริดราคาประหยัด
- สรุป: เลือก Garmin รุ่นไหนดีที่สุดสำหรับคุณ
อันดับ 1: Garmin Forerunner 265 Series – นาฬิกาวิ่งระดับกลางที่คุ้มค่า
Garmin Forerunner 265 Series เป็นนาฬิกาวิ่งระดับกลางที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มนักวิ่งทั้งมือใหม่และมืออาชีพ ด้วยหน้าจอ AMOLED คมชัดและฟีเจอร์การวิเคราะห์การวิ่งที่ครบครัน
จุดเด่น:
- หน้าจอ AMOLED ความละเอียดสูง ให้การแสดงผลที่คมชัดแม้ในที่แดดจ้า
- ระบบ GPS แม่นยำสูง รองรับหลายระบบดาวเทียม
- ฟีเจอร์ Training Readiness ประเมินความพร้อมในการซ้อม
- แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นานถึง 13 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์ และ 20 ชั่วโมงในโหมด GPS
- มีให้เลือก 2 ขนาด: 265 (46mm) และ 265S (42mm) เหมาะกับข้อมือหลายขนาด
- รองรับการเล่นเพลงผ่าน Spotify, Amazon Music และ Deezer (เฉพาะรุ่น Music)
จุดด้อย:
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรุ่นเริ่มต้น
- อาจมีฟีเจอร์มากเกินความจำเป็นสำหรับนักวิ่งมือใหม่
เหมาะสำหรับ:
- นักวิ่งระดับกลางถึงสูงที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกในการวิเคราะห์และพัฒนาการวิ่ง
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาวิ่งที่มีหน้าจอสวยงามและใช้งานง่าย
- ผู้ที่ชอบฟังเพลงระหว่างวิ่งโดยไม่ต้องพกโทรศัพท์ (เฉพาะรุ่น Music)
ราคา:
- ประมาณ 16,590 บาท
- เช็คราคากับShopee
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 2: Garmin Forerunner 965 Series – นาฬิกาวิ่งระดับไฮเอนด์
Garmin Forerunner 965 คือนาฬิกาวิ่งระดับไฮเอนด์ที่มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.4 นิ้ว และตัวเรือนไทเทเนียมสุดหรู เหมาะสำหรับนักวิ่งที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ประสิทธิภาพระดับสูง
จุดเด่น:
- ตัวเรือนไทเทเนียมน้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.4 นิ้ว ความละเอียดสูง
- แผนที่สีแบบละเอียด ช่วยในการนำทางได้ดี
- ฟีเจอร์วิเคราะห์การวิ่งขั้นสูง เช่น Training Load Focus, Recovery Time, Daily Workout Suggestions
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 23 ชั่วโมงในโหมด GPS
- รองรับการเล่นเพลงแบบออฟไลน์จากแอปยอดนิยม
จุดด้อย:
- ราคาสูงมาก อาจเกินความจำเป็นสำหรับนักวิ่งทั่วไป
- มีขนาดใหญ่และอาจหนักเกินไปสำหรับผู้มีข้อมือเล็ก
- มีฟีเจอร์มากมายที่อาจซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้เริ่มต้น
เหมาะสำหรับ:
- นักวิ่งระดับสูงหรือนักกีฬาไตรกีฬาที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกในการฝึกซ้อม
- ผู้ที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภทและต้องการนาฬิกาที่รองรับทุกกิจกรรม
- ผู้ที่ต้องการนาฬิการะดับพรีเมียมที่มีอายุการใช้งานยาวนาน
ราคา:
- ประมาณ 21,390 บาท
- เช็คราคากับShopee
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 3: Garmin Fenix 8 Series – นาฬิกามัลติสปอร์ตระดับพรีเมียม
Garmin Fenix 8 Series คือนาฬิกาอัจฉริยะระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภท มาพร้อมตัวเรือนที่แข็งแรงทนทานและฟีเจอร์ครบครันสำหรับทุกกิจกรรม
จุดเด่น:
- มีให้เลือก 3 ขนาด: 43mm, 47mm และ 51mm
- หน้าจอ AMOLED คมชัด หรือเลือกรุ่น Solar ที่ชาร์จพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้
- ตัวเรือนไทเทเนียมหรือสแตนเลสสตีล แข็งแรงทนทานสูง
- แผนที่สีแบบละเอียดพร้อมระบบนำทางขั้นสูง
- รองรับกีฬาและกิจกรรมกว่า 30 ประเภท
- อายุแบตเตอรี่ยาวนาน โดยเฉพาะรุ่น Solar ที่ใช้งานได้นานกว่า
- คุณสมบัติความปลอดภัยและการติดตามครบครัน
จุดด้อย:
- ราคาสูงมาก เริ่มต้นที่ 36,990 บาท ไปจนถึง 43,990 บาท
- มีน้ำหนักค่อนข้างมาก อาจรู้สึกหนักเมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน
- มีฟีเจอร์มากมายที่ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้ใช้ทั้งหมด
เหมาะสำหรับ:
- นักผจญภัยและผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภท
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะระดับพรีเมียมที่ครบเครื่องและทนทาน
- นักกีฬาที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ
ราคา:
- รุ่น 43mm AMOLED: 39,990 บาท
- รุ่น 47mm AMOLED: 36,990 บาท
- รุ่น 51mm AMOLED: 43,990 บาท
- เช็คราคากับShopee
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 4: Garmin Forerunner 165 Series – นาฬิกาวิ่งสำหรับมือใหม่
Garmin Forerunner 165 Series เป็นนาฬิกาวิ่งรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อนักวิ่งมือใหม่และระดับกลาง มาพร้อมหน้าจอ AMOLED สวยงามและฟีเจอร์จำเป็นสำหรับการวิ่งในราคาที่เข้าถึงได้
จุดเด่น:
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว ให้การแสดงผลที่คมชัด
- น้ำหนักเบาเพียง 39 กรัม สวมใส่สบาย
- ระบบ GPS แม่นยำ รองรับหลายระบบดาวเทียม
- ฟีเจอร์สำหรับนักวิ่ง เช่น PacePro, Daily Suggested Workouts
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 11 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์ และ 19 ชั่วโมงในโหมด GPS
- มีรุ่น Music ที่รองรับการเล่นเพลงแบบออฟไลน์
จุดด้อย:
- ไม่มีแผนที่นำทางแบบละเอียด
- วัสดุตัวเรือนเป็นโพลิเมอร์ ไม่หรูหราเท่ารุ่นที่สูงกว่า
- ฟีเจอร์การวิเคราะห์การวิ่งไม่ลึกเท่ารุ่น 265 หรือ 965
เหมาะสำหรับ:
- นักวิ่งมือใหม่หรือระดับกลางที่ต้องการข้อมูลพื้นฐานในการวิ่ง
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาวิ่งที่มีหน้าจอสวยงามในราคาที่เข้าถึงได้
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย
ราคา:
- เริ่มต้นที่ 5,990 บาท (รุ่นธรรมดา)
- รุ่น Music เริ่มต้นที่ 6,490 บาท
- เช็คราคากับShopee
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 5: Garmin Forerunner 55 – นาฬิกาวิ่งราคาประหยัด
Garmin Forerunner 55 เป็นนาฬิกาวิ่งรุ่นเริ่มต้นที่มีราคาเข้าถึงได้ แต่มาพร้อมฟีเจอร์จำเป็นสำหรับนักวิ่งครบถ้วน เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นวิ่งและต้องการนาฬิกาที่ใช้งานง่าย
จุดเด่น:
- ราคาประหยัด เริ่มต้นที่ 6,790 บาท
- น้ำหนักเบาเพียง 37 กรัม สวมใส่สบาย
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 14 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
- มีฟีเจอร์ PacePro และ Race Predictor
- รองรับโปรแกรมฝึกซ้อมและการวัดค่าสุขภาพพื้นฐาน
- ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่
จุดด้อย:
- หน้าจอเป็นแบบ MIP ไม่ใช่ AMOLED
- ไม่รองรับการเล่นเพลง
- ไม่มีแผนที่นำทาง
- ฟีเจอร์การวิเคราะห์การวิ่งไม่ลึกเท่ารุ่นที่สูงกว่า
เหมาะสำหรับ:
- นักวิ่งมือใหม่ที่ต้องการนาฬิกาวิ่งราคาประหยัด
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่เน้นฟังก์ชันพื้นฐานและใช้งานง่าย
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่มีแบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นาน
ราคา:
- ประมาณ 6,790 บาท
- เช็คราคากับShopee
อันดับ 6: Garmin Venu 3 Series – นาฬิกาไลฟ์สไตล์หน้าจอสวย
Garmin Venu 3 Series เป็นนาฬิกาอัจฉริยะไลฟ์สไตล์ที่มาพร้อมหน้าจอ AMOLED คมชัดระดับพรีเมียม และฟีเจอร์สุขภาพครบครัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่ทั้งสวยและมีประสิทธิภาพ
จุดเด่น:
- หน้าจอ AMOLED ความละเอียดสูง สีสันสดใส
- มีให้เลือก 2 ขนาด: Venu 3 (45mm) และ Venu 3S (41mm)
- ฟีเจอร์สุขภาพครบครัน: Sleep Coach, Body Battery, Stress Tracking
- รองรับการวัดออกซิเจนในเลือดตลอด 24 ชั่วโมง
- สามารถรับสายและโทรออกได้ผ่านนาฬิกา (เมื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์)
- รองรับการเล่นเพลงแบบออฟไลน์
- รองรับกิจกรรมกว่า 30 ประเภท
จุดด้อย:
- ราคาค่อนข้างสูง
- แบตเตอรี่อาจไม่อึดเท่ารุ่นอื่นเมื่อเปิดหน้าจอ Always-On
- ไม่มีแผนที่นำทางแบบละเอียดเหมือนรุ่น Forerunner หรือ Fenix
เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะเพื่อสุขภาพที่มีดีไซน์สวยงาม
- ผู้ที่ต้องการติดตามกิจกรรมประจำวันและการออกกำลังกายแบบทั่วไป
- ผู้ที่ชื่นชอบหน้าจอสีสันสดใส คมชัด
ราคา:
- ประมาณ 15,990 บาท
- เช็คราคากับShopee
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 7: Garmin Vivoactive 5 – นาฬิกาไลฟ์สไตล์ราคาคุ้มค่า
Garmin Vivoactive 5 เป็นนาฬิกาอัจฉริยะไลฟ์สไตล์ที่มาพร้อมหน้าจอ AMOLED และฟีเจอร์สุขภาพครบครัน ในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า Venu 3 Series
จุดเด่น:
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว ความละเอียดสูง
- น้ำหนักเบาเพียง 36 กรัม สวมใส่สบาย
- รองรับกิจกรรมกว่า 30 ประเภท
- ฟีเจอร์สุขภาพครบครัน: Sleep Score, Body Battery, Stress Tracking
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 11 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
- ราคาคุ้มค่ากว่า Venu 3 Series
จุดด้อย:
- ไม่สามารถรับสายหรือโทรออกผ่านนาฬิกาได้
- ไม่รองรับการเล่นเพลงแบบออฟไลน์
- วัสดุตัวเรือนเป็นโพลิเมอร์ ไม่หรูหราเท่า Venu 3
- ไม่มีแผนที่นำทาง
อันดับ 8: Garmin Lily 2 Series – นาฬิกาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ
Garmin Lily 2 Series เป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่ออกแบบมาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ มีขนาดกะทัดรัด ดีไซน์สวยงาม และมีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้หญิง
จุดเด่น:
- ดีไซน์สวยงาม เรียบหรู มีให้เลือกทั้งรุ่น Active (สายซิลิโคน) และรุ่น Classic (สายหนัง)
- ขนาดกะทัดรัด 35mm เหมาะกับข้อมือผู้หญิง
- หน้าจอทัชสกรีนสีแบบ LCD พร้อมลวดลายสวยงาม
- ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ เช่น การติดตามรอบเดือน การตั้งครรภ์
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานถึง 5 วัน
- น้ำหนักเบาเพียง 24 กรัม
จุดด้อย:
- ไม่มี GPS แบบในตัว ต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์
- หน้าจอมีขนาดเล็ก อาจไม่สะดวกสำหรับการดูข้อมูลขณะออกกำลังกาย
- ฟีเจอร์การออกกำลังกายไม่หลากหลายเท่ารุ่นอื่น
- ไม่รองรับการเล่นเพลง
เหมาะสำหรับ:
- ผู้หญิงที่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะที่มีดีไซน์สวยงาม สวมใส่ได้ทุกโอกาส
- ผู้ที่ต้องการติดตามสุขภาพและกิจกรรมประจำวันพื้นฐาน
- ผู้ที่ชอบนาฬิกาขนาดเล็ก น้ำหนักเบา
ราคา:
- Lily 2 Active (สายซิลิโคน): 8,490 บาท
- Lily 2 Classic (สายหนัง): 10,990 บาท
- เช็คราคากับShopee
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 9: Garmin Vivomove Trend – นาฬิกาไฮบริดดีไซน์หรู
Garmin Vivomove Trend เป็นนาฬิกาไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างนาฬิกาอนาล็อกแบบคลาสสิกและสมาร์ทวอทช์ได้อย่างลงตัว มาพร้อมเข็มนาฬิกาจริงและหน้าจอดิจิทัลซ่อนอยู่ใต้หน้าปัด
จุดเด่น:
- ดีไซน์สวยงามแบบนาฬิกาอนาล็อกคลาสสิก
- มีหน้าจอ OLED ซ่อนอยู่ใต้หน้าปัด แสดงผลเมื่อต้องการ
- รองรับการชาร์จไร้สาย Qi
- ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพครบครัน: การนอน ความเครียด ออกซิเจนในเลือด
- กันน้ำลึก 50 เมตร
- ตัวเรือนสแตนเลสสตีล ดูหรูหรา
จุดด้อย:
- ไม่มี GPS แบบในตัว ต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์
- หน้าจอมีขนาดเล็กและไม่สว่างมากนัก อาจมองยากในที่แดดจ้า
- ฟีเจอร์การออกกำลังกายไม่หลากหลายเท่ารุ่นอื่น
- แบตเตอรี่ใช้งานได้เพียง 5 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่มีดีไซน์คลาสสิก แต่มีฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์
- ผู้ที่ทำงานในออฟฟิศหรือต้องการนาฬิกาที่ดูเป็นทางการ
- ผู้ที่ต้องการติดตามสุขภาพและกิจกรรมประจำวันพื้นฐาน
ราคา:
- ประมาณ 9,990 บาท
- เช็คราคากับShopee
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 10: Garmin Descent MK3 Series – นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพ
Garmin Descent MK3 Series เป็นคอมพิวเตอร์ดำน้ำระดับไฮเอนด์ที่ผสมผสานคุณสมบัติของสมาร์ทวอทช์ Garmin ชั้นนำเข้ากับฟีเจอร์ดำน้ำระดับมืออาชีพ
จุดเด่น:
- คอมพิวเตอร์ดำน้ำครบครัน รองรับการดำน้ำหลายรูปแบบ
- มีให้เลือก 2 ขนาด: 43mm และ 51mm
- จอ AMOLED ความละเอียดสูง อ่านง่ายแม้ใต้น้ำ
- แผนที่ใต้น้ำในตัว ช่วยในการนำทางขณะดำน้ำ
- รองรับการดำน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร
- ฟีเจอร์ Multi-GNSS รองรับการนำทางใต้น้ำ
- รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดำน้ำไร้สาย
- มีฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์ครบครันเหมือนรุ่น Fenix
จุดด้อย:
- ราคาสูงมาก เริ่มต้นที่ 43,990 บาท
- มีขนาดใหญ่และหนัก อาจไม่เหมาะสำหรับการสวมใส่ประจำวัน
- มีฟีเจอร์มากมายที่ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้ใช้ทั้งหมด
- ต้องชาร์จบ่อยหากใช้โหมดดำน้ำบ่อยครั้ง
เหมาะสำหรับ:
- นักดำน้ำมืออาชีพหรือผู้ที่ดำน้ำเป็นประจำ
- ผู้ที่ต้องการอุปกรณ์ดำน้ำคุณภาพสูงที่มีฟีเจอร์ครบครัน
- ผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายรูปแบบรวมถึงดำน้ำ
ราคา:
- ประมาณ 43,990 – 45,890 บาท
- เช็คราคากับShopee
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 11: Garmin Approach S70 – นาฬิกากอล์ฟระดับไฮเอนด์
Garmin Approach S70 เป็นนาฬิกากอล์ฟระดับไฮเอนด์ที่มาพร้อมแผนที่สนามกอล์ฟทั่วโลกกว่า 43,000 สนาม และฟีเจอร์ช่วยเล่นกอล์ฟที่ครบครัน
จุดเด่น:
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.4 นิ้ว ความละเอียดสูง
- มีแผนที่สนามกอล์ฟทั่วโลกกว่า 43,000 สนาม
- ฟีเจอร์ Virtual Caddie ให้คำแนะนำในการเลือกไม้และวางแผนการตี
- Green View แสดงรูปร่างของกรีนและตำแหน่ง pin แบบละเอียด
- AutoShot Detection บันทึกระยะการตีโดยอัตโนมัติ
- PlaysLike Distance ปรับระยะตามความลาดชันของสนาม
- ฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์ครบครัน ใช้งานได้นอกสนามกอล์ฟ
จุดด้อย:
- ราคาสูงมาก เริ่มต้นที่ 23,990 บาท
- อาจมีฟีเจอร์มากเกินความจำเป็นสำหรับนักกอล์ฟทั่วไป
- ขนาดค่อนข้างใหญ่ อาจรบกวนการเหวี่ยงไม้สำหรับบางคน
เหมาะสำหรับ:
- นักกอล์ฟจริงจังที่ต้องการข้อมูลละเอียดในการเล่น
- ผู้ที่เล่นกอล์ฟบ่อยและต้องการพัฒนาทักษะ
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่ใช้ได้ทั้งในและนอกสนามกอล์ฟ
ราคา:
- ประมาณ 23,990 บาท
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 12: Garmin Approach S50 – นาฬิกากอล์ฟราคาคุ้มค่า
Garmin Approach S50 เป็นนาฬิกากอล์ฟรุ่นใหม่ที่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่า S70 แต่ยังคงมาพร้อมฟีเจอร์จำเป็นสำหรับนักกอล์ฟครบถ้วน
จุดเด่น:
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.2 นิ้ว ความละเอียดสูง
- มีแผนที่สนามกอล์ฟทั่วโลกกว่า 43,000 สนาม
- Green View แสดงรูปร่างของกรีนและตำแหน่ง pin
- AutoShot Detection บันทึกระยะการตีโดยอัตโนมัติ
- ฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์พื้นฐาน ใช้งานได้นอกสนามกอล์ฟ
- ราคาคุ้มค่ากว่า S70 มาก
จุดด้อย:
- ไม่มีฟีเจอร์ Virtual Caddie เหมือน S70
- แผนที่สนามกอล์ฟมีรายละเอียดน้อยกว่า S70
- แบตเตอรี่อาจไม่อึดเท่า S70
- ไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่าง เช่น การวิเคราะห์สวิง
เหมาะสำหรับ:
- นักกอล์ฟทั่วไปที่ต้องการนาฬิกากอล์ฟในราคาที่เข้าถึงได้
- ผู้ที่เพิ่งเริ่มเล่นกอล์ฟและต้องการอุปกรณ์ช่วยพื้นฐาน
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่ใช้ได้ทั้งในและนอกสนามกอล์ฟ
ราคา:
- ประมาณ 14,490 บาท
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 13: Garmin Tactix 8 – นาฬิกาทางทหารสุดแกร่ง
Garmin Tactix 8 เป็นนาฬิกาทางทหารระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง มาพร้อมฟีเจอร์พิเศษสำหรับการทหารและกิจกรรมยุทธวิธี
จุดเด่น:
- ตัวเรือนไทเทเนียม DLC (Diamond-Like Carbon) แข็งแรงทนทานสูง
- กระจก Sapphire Crystal กันรอยขีดข่วน
- หน้าจอ AMOLED ความละเอียดสูงพร้อมโหมดไนท์วิชัน
- ฟีเจอร์ทางทหารเฉพาะ: Jumpmaster, Tactical Activity, Stealth Mode
- ระบบนำทาง Multi-GNSS พร้อมแผนที่แบบละเอียด
- แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานได้นานถึง 31 วันในโหมดประหยัดพลังงาน
- รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์เสริมทางทหาร
จุดด้อย:
- ราคาสูงมาก ประมาณ 52,990 บาท
- มีขนาดใหญ่และหนัก ไม่เหมาะกับทุกข้อมือ
- มีฟีเจอร์เฉพาะทางที่ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้ใช้
เหมาะสำหรับ:
- บุคลากรทางทหารหรือตำรวจที่ต้องการนาฬิกาเฉพาะทาง
- นักผจญภัยที่ต้องการนาฬิกาที่แข็งแรงทนทานสูงสุด
- ผู้ที่ชื่นชอบอุปกรณ์ทางยุทธวิธีระดับพรีเมียม
ราคา:
- ประมาณ 52,990 บาท
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 14: Garmin Instinct 3 Series – นาฬิกาสายลุยทนทาน
Garmin Instinct 3 Series เป็นนาฬิกาสายลุยที่ออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งและต้องการนาฬิกาที่แข็งแรง
จุดเด่น:
- ตัวเรือนโพลิเมอร์เสริมไฟเบอร์ แข็งแรงทนทานสูง
- มาตรฐานทางทหาร MIL-STD-810
- หน้าจอสองชั้นที่อ่านง่ายแม้ในแสงแดดจ้า
- ระบบ GPS แม่นยำสูง รองรับหลายระบบดาวเทียม
- แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานได้นานถึง 28 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
- รองรับกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภท
- ราคาคุ้มค่ากว่า Fenix หรือ Tactix
จุดด้อย:
- ดีไซน์อาจไม่เหมาะกับการสวมใส่ในโอกาสทางการ
- ไม่มีแผนที่แบบละเอียดเหมือน Fenix
- ไม่รองรับการเล่นเพลง
- หน้าจอไม่ใช่ AMOLED
เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งและต้องการนาฬิกาที่ทนทาน
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่มีแบตเตอรี่อึดมาก
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกา Garmin ที่แข็งแรงในราคาที่เข้าถึงได้
ราคา:
- ประมาณ 16,490 บาท
- เช็คราคากับShopee
อันดับ 15: Garmin Descent G1 Solar Ocean Edition – นาฬิกาดำน้ำรักษ์โลก
Garmin Descent G1 Solar Ocean Edition เป็นคอมพิวเตอร์ดำน้ำรุ่นพิเศษที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล และส่วนหนึ่งของรายได้จากการขายจะนำไปสนับสนุนโครงการอนุรักษ์มหาสมุทร
จุดเด่น:
- ตัวเรือนผลิตจากวัสดุรีไซเคิลจากมหาสมุทร
- เทคโนโลยี Solar ชาร์จพลังงานจากแสงอาทิตย์
- คอมพิวเตอร์ดำน้ำครบครัน รองรับการดำน้ำหลายรูปแบบ
- รองรับการดำน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร
- แบตเตอรี่อึดมาก ใช้งานได้นานถึง 4 เดือนในโหมด Solar
- ราคาถูกกว่า Descent MK3 มาก
- มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์มหาสมุทร
จุดด้อย:
- ไม่มีแผนที่ใต้น้ำเหมือน MK3
- หน้าจอมีความละเอียดต่ำกว่า MK3
- ฟีเจอร์การดำน้ำไม่ครบเท่า MK3
- ไม่รองรับการเล่นเพลง
เหมาะสำหรับ:
- นักดำน้ำที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
- ผู้ที่ต้องการคอมพิวเตอร์ดำน้ำในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า MK3
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่มีแบตเตอรี่อึดมากและชาร์จพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้
ราคา:
- ประมาณ 21,990 บาท
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 16: Garmin Descent G2 – นาฬิกาดำน้ำระดับกลาง
Garmin Descent G2 เป็นคอมพิวเตอร์ดำน้ำระดับกลางที่มาพร้อมฟีเจอร์ดำน้ำครบครัน แต่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่า MK3
จุดเด่น:
- หน้าจอ MIP ขนาด 1.2 นิ้ว อ่านง่ายแม้ในแสงแดดจ้า
- คอมพิวเตอร์ดำน้ำครบครัน รองรับการดำน้ำหลายรูปแบบ
- รองรับการดำน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร
- แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นานถึง 21 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
- รองรับกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภท
- ราคาถูกกว่า MK3 มาก
จุดด้อย:
- ไม่มีแผนที่ใต้น้ำเหมือน MK3
- หน้าจอไม่ใช่ AMOLED
- ฟีเจอร์การดำน้ำไม่ครบเท่า MK3
- ไม่รองรับการเล่นเพลง
เหมาะสำหรับ:
- นักดำน้ำสมัครเล่นถึงระดับกลางที่ต้องการคอมพิวเตอร์ดำน้ำคุณภาพดี
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งที่รวมฟีเจอร์ดำน้ำ
- ผู้ที่ต้องการคอมพิวเตอร์ดำน้ำในราคาที่เข้าถึงได้
ราคา:
- ประมาณ 24,990 บาท
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 17: Garmin Forerunner 255 Series – นาฬิกาวิ่งคุ้มค่า
Garmin Forerunner 255 Series เป็นนาฬิกาวิ่งระดับกลางที่มาก่อน 265 Series มีฟีเจอร์การวิ่งครบครัน แต่ราคาถูกกว่า
จุดเด่น:
- มีให้เลือก 2 ขนาด: 255 (46mm) และ 255S (41mm)
- ระบบ GPS แม่นยำสูง รองรับหลายระบบดาวเทียม
- ฟีเจอร์สำหรับนักวิ่งครบครัน: Training Status, Recovery Time, Race Predictor
- แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นานถึง 14 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
- มีรุ่น Music ที่รองรับการเล่นเพลงแบบออฟไลน์
- ราคาถูกกว่า 265 Series
จุดด้อย:
- หน้าจอเป็นแบบ MIP ไม่ใช่ AMOLED เหมือน 265
- ไม่มีฟีเจอร์ Training Readiness เหมือน 265
- ดีไซน์อาจดูเก่ากว่า 265
เหมาะสำหรับ:
- นักวิ่งระดับกลางที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกในการวิ่ง
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาวิ่งคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้
- ผู้ที่ให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่ที่อึดมากกว่าหน้าจอสวยงาม
ราคา:
- ประมาณ 11,790 – 16,590 บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่น)
อันดับ 18: Garmin Venu Sq2 – นาฬิกาไลฟ์สไตล์ทรงเหลี่ยม
Garmin Venu Sq2 เป็นนาฬิกาอัจฉริยะไลฟ์สไตล์ที่มีรูปทรงเหลี่ยมแบบ Apple Watch แต่มาพร้อมระบบนิเวศของ Garmin
จุดเด่น:
- หน้าจอ AMOLED ทรงเหลี่ยม ขนาด 1.4 นิ้ว
- น้ำหนักเบาเพียง 38 กรัม
- ฟีเจอร์สุขภาพครบครัน: Sleep Score, Body Battery, Stress Tracking
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 11 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
- มีรุ่น Music ที่รองรับการเล่นเพลง
- แบบออฟไลน์
- ราคาเข้าถึงได้มากกว่า Venu 3
- รองรับกิจกรรมกว่า 25 ประเภท
จุดด้อย:
- หน้าจอมีขอบหนา ทำให้พื้นที่แสดงผลน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
- วัสดุตัวเรือนเป็นโพลิเมอร์ ไม่หรูหราเท่า Venu 3
- ไม่สามารถรับสายหรือโทรออกผ่านนาฬิกาได้
- ไม่มีเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือดแบบตลอด 24 ชั่วโมง
เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่ชอบนาฬิกาทรงเหลี่ยมแบบ Apple Watch แต่ต้องการฟีเจอร์ของ Garmin
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะเพื่อสุขภาพในราคาที่เข้าถึงได้
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่มีแบตเตอรี่อึดมากกว่า Apple Watch
ราคา:
- ประมาณ 12,573 บาท
- เช็คราคากับLazada
อันดับ 19: Garmin Vivomove Sport – นาฬิกาไฮบริดราคาประหยัด
Garmin Vivomove Sport เป็นนาฬิกาไฮบริดรุ่นเริ่มต้นที่ผสมผสานระหว่างนาฬิกาอนาล็อกแบบคลาสสิกและสมาร์ทวอทช์ในราคาที่เข้าถึงได้
จุดเด่น:
- ดีไซน์สวยงามแบบนาฬิกาอนาล็อกคลาสสิก
- มีหน้าจอทัชสกรีนซ่อนอยู่ใต้หน้าปัด แสดงผลเมื่อต้องการ
- น้ำหนักเบาเพียง 33 กรัม สวมใส่สบาย
- ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพพื้นฐาน: การนอน ความเครียด ออกซิเจนในเลือด
- กันน้ำลึก 50 เมตร
- ราคาเข้าถึงได้ เริ่มต้นที่ 6,190 บาท
จุดด้อย:
- ไม่มี GPS แบบในตัว ต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์
- หน้าจอมีขนาดเล็กและไม่สว่างมากนัก อาจมองยากในที่แดดจ้า
- ฟีเจอร์การออกกำลังกายไม่หลากหลายเท่ารุ่นอื่น
- แบตเตอรี่ใช้งานได้เพียง 5 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์
เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่มีดีไซน์คลาสสิก แต่มีฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์พื้นฐาน
- ผู้ที่มีงบประมาณจำกัดแต่ต้องการนาฬิกา Garmin
- ผู้ที่ต้องการติดตามสุขภาพและกิจกรรมประจำวันพื้นฐาน
ราคา:
- ประมาณ 6,190 บาท
- เช็คราคากับShopee
- เช็คราคากับLazada
สรุป: เลือก Garmin รุ่นไหนดีที่สุดสำหรับคุณ
หลังจากที่เราได้พิจารณานาฬิกา Garmin รุ่นไหนดี ทั้ง 19 รุ่นแล้ว เราสามารถสรุปทางเลือกที่เหมาะสมตามความต้องการของผู้ใช้ได้ดังนี้:
สำหรับนักวิ่ง Garmin รุ่นไหนดี :
- มือใหม่งบน้อย: Forerunner 55 (6,790 บาท)
- มือใหม่-ระดับกลาง: Forerunner 165 (5,990-6,490 บาท)
- ระดับกลาง-สูง: Forerunner 265 (16,590 บาท)
- นักวิ่งมืออาชีพ: Forerunner 965 (21,390 บาท)
สำหรับผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภท Garmin รุ่นไหนดี :
- งบประมาณจำกัด: Instinct 3 (16,490 บาท)
- ต้องการความครบเครื่อง: Fenix 8 (36,990-43,990 บาท)
- เน้นความแข็งแรงทนทานสูงสุด: Tactix 8 (52,990 บาท)
สำหรับผู้ที่ต้องการนาฬิกาไลฟ์สไตล์ Garmin รุ่นไหนดี :
- งบประมาณจำกัด: Vivoactive 5 (8,990 บาท)
- ต้องการหน้าจอสวย: Venu 3 (15,990 บาท)
- ชอบนาฬิกาทรงเหลี่ยม: Venu Sq2 (12,573 บาท)
- ชอบนาฬิกาไฮบริด: Vivomove Sport (6,190 บาท) หรือ Vivomove Trend (9,990 บาท)
- สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ: Lily 2 (8,490-10,990 บาท)
สำหรับนักกีฬาเฉพาะทาง Garmin รุ่นไหนดี :
- นักกอล์ฟ: Approach S50 (14,490 บาท) หรือ S70 (23,990 บาท)
- นักดำน้ำ: Descent G1 Solar (21,990 บาท), G2 (24,990 บาท) หรือ MK3 (43,990-45,890 บาท)
การเลือก Garmin รุ่นไหนดีนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะบุคคล กิจกรรมที่ทำเป็นประจำ และงบประมาณที่มี ทุกรุ่นของ Garmin มาพร้อมกับการรับประกันศูนย์ไทย 2 ปี ซึ่งให้ความมั่นใจในการใช้งานระยะยาว
หากคุณเป็นนักวิ่งหรือนักกีฬาที่ต้องการข้อมูลเชิงลึก ซีรีส์ Forerunner เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หากคุณชอบกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลายประเภท Fenix หรือ Instinct จะเหมาะกับคุณมากกว่า และหากคุณต้องการนาฬิกาที่ใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและออกกำลังกาย Venu หรือ Vivoactive จะเป็นตัวเลือกที่ลงตัว
ไม่ว่าคุณจะมีคำถามว่าGarmin รุ่นไหนดี Garmin ก็ยังเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพ ความแม่นยำ และความทนทาน ซึ่งจะเป็นเพื่อนคู่ใจในการออกกำลังกายและใช้ชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างดีเยี่ยม
ดูบทความอื่น : กดที่นี่